ด้วยหน้าที่ของตับ เป็นหน้าที่ที่ไม่มีใครแทนได้ เพราะตับเชื่อมโยงกับหลายระบบของร่างกาย มันจึงเป็นหนึ่งในอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายของเราเลยล่ะ แล้วจะบอกให้ว่า โรคตับ ถือเป็นโรคที่เกิดง่าย แต่หายยาก อีกทั้งไม่ว่าจะเป็น ไขมันพอกตับ ตับแข็ง ไวรัสตับอักเสบ ล้วนแต่มีจุดหมายอันตรายอยู่ที่เดียวกันคือ โรคตับแข็งและมะเร็งตับ นั่นเอง
แต่โรคอะไรล่ะที่มักพบเห็นและเจอได้บ่อยที่สุด คงหนีไม่พ้น “ ไขมันพอกตับ ” ซึ่งเป็นโรคตับที่จะเกิดขึ้นได้ง่ายที่สุด เนื่องจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกหลัก ก็ก่อให้เกิดโรคได้แล้ว ซึ่งคนไทยกำลังป่วยด้วยโรคไขมันพอกตับมากกว่า 40% แต่คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้ตัวเลย ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุดังนี้
- ได้รับสารอาหารมากเกินความจำเป็นของร่างกายติดต่อกันนาน ทำให้ตับต้องเปลี่ยนสารอาหารส่วนเกินเป็นพลังงานสำรองในรูปของไขมัน และจัดเก็บที่ตับ หากไขมันเหล่านี้สะสมเข้าไปมากๆ จะก่อให้เกดโรคไขมันพอกตับ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของตับโดยตรง
- ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เมื่อแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกาย ตับต้องกำจัดมันออกไป ซึ่งจะเกิดกรดไขมันขึ้น ซึ่งกรดไขมันจะรวมกันกลายเป็นไขมันและพอกพูนที่ตับ เกิดเป็นไขมันพอกตับตามมาได้เช่นกัน
- ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน หากว่ามีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินความต้องการของร่างกายบ่อยๆ น้ำตาลส่วนเกินนี้จะถูกแปลงค่าให้เป็นไขมันและสะสมอยู่บริเวณตับ ยิ่งน้ำตาลสูงบ่อย ยิ่งมีโอกาสเป็นไขมันพอกตับมากเท่านั้น
หากคุณมีอาการ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ทำอะไรนิดหน่อยก็ไม่มีแรงแล้ว ท้องอืด ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย อาจมีอาการปวดจุกท้องแถวชายโครงขวา บางครั้งอาจมีอาการคลื่นไส้ อยากอาเจียน เบื่ออาหาร อย่าได้นิ่งนอนใจ ถึงแม้อาการมันไม่ได้รุนแรง ไม่แสดงอาการ จนบางคนแทบไม่รู้ตัวเลยก็มี แต่มันก็แอบทำลายตับไปเรื่อย ๆ จนเกิดความเสียหายมากขึ้น ๆ ประสิทธิภาพการทำงานของตับต่ำลง กระทบหลายระบบในร่างกาย และยิ่งระดับน้ำตาลในเลือดสูง พร้อมกับระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือดก็สูงด้วยแล้วก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่สามารถบอกได้ว่าตับของเราอาจจะกำลังมีปัญหากับโรคไขมันพอกตับอยู่ก็ได้
และเมื่อใดก็ตามที่ไขมันพอกตับมากขึ้นเรื่อย ๆ ตับอาจเกิดการอักเสบ และทุกครั้งที่มันอักเสบ มันจะแผลเป็นไว้ หากไขมันยิ่งพอกมาก ยิ่งอักเสบบ่อย แผลเป็นอาจจะขยายวงกว้าง จากแผลเป็นจุดเล็กๆ อาจจะกลายเป็นพังผืดที่ปิดกั้นไม่ให้เลือดไหลเวียนเข้าไปเลี้ยงตับ เกิดเป็น อาการตับแข็ง และมะเร็งตับได้ในอนาคต